วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แหล่งท่องเที่ยว

สถานที่เยรูซาเล็ม
กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรไว้ให้เป็นป้อมแห่งความเชื่อถึงพระเป็นเจ้าแต่เพียงองค์เดียว จากเนินเขาที่โล่งแจ้งนี้ บรรดาประกาศกและพระคริสตเจ้าเองทรงประกาศคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้าและบท บัญญัติแห่งความรักจากดินแดนนี้ไฟแห่งความเชื่อได้แพร่ไปพร้อมกับมุ่งขจัดความมืดมนแห่งการหลงผิด และการนับถือพระเท็จเทียมต่างๆ ให้หมด สิ้นไป "บทบัญญัติของพระเป็นเจ้าจะแพร่ไปจากศิโยน และพระวาจาของพระองค์จากกรุงเยรูซาเลม"
เมืองนี้เป็นเมืองหลวงทางศาสนาของประชากรราวครึ่งหนึ่งของมนุษยชาติ สำหรับชาวยิวเป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคลดั้งเดิม และแห่งความหวังในอนาคต
สำหรับชาวคริสต์เป็นเมืองที่พระเยซูเจ้าทรงประกอบภารกิจในช่วงระยะเวลาสุดท้าย แห่งพระชนมชีพของพระองค์ เมืองที่ได้เป็นพยานถึงการสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์
กรุงเยรูซาเลมแหล่งกำเนิดความเชื่อและสันติ เมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก ยังได้เป็นเมืองแห่งความทารุณโหดร้ายแห่งสงคราม และการหลั่งเลือด ณ ประตูเมืองแห่งนี้มีการสู้รบมากกว่าที่เมืองอื่นใดในโลก กรุงเยรูซาเลมถูกล้อมมากกว่า 50 ครั้ง ถูกยึดถึง 36 ครั้ง และถูกทำลายมากกว่า 10 ครั้ง
ไม่มีผู้ใดทราบว่ากรุงเยรูซาเลมเริ่มมีตัวตนขึ้นมาเมื่อใด ครั้งแรกที่พระคัมภีร์พูดถึง คือ สมัยของอับราฮัม โดยมีชื่อว่า "ซาเล็ม" ซึ่งแปลว่า สันติสุข
"ท่านเมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์เมืองซาเลม และปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้ (ปฐก 14:18)
"ข้าพเจ้ายกมือสาบานตัวต่อพระพักตร์ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน" (ปฐก 14:22)
ในศตวรรษ ที่ 10 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ดาวิดได้ยึดเมืองนี้และตั้งเป็นเมืองหลวง โดยนำหีบแห่งพันธสัญญามาประดิษฐาน

[แก้]ช่วงเวลา

  • ปี 965-922ก่อนคริสตกาล กษัตริย์โซโลมอนได้ปรับปรุงเมืองนี้และสร้างพระวิหาร
  • ปี 587 ก่อนคริสตกาล ชาวบาบิโลนได้ยึดกรุงเยรูซาเลม ทำลายพระวิหารและนำชาวยิวไปเป็นทาสในบาบิโลน
  • ปี 538 ก่อนคริสตกาล ชาวยิวได้กลับสู่กรุงเยรูซาเลมและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่
  • ปี 332ก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ยึดกรุงเยรูซาเลม
  • ปี 168 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์อันติโอกุส เอปีฟาเนส ได้ทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเลม
  • ปี 63 ก่อนคริสตกาล ชาวโรมยึดเมือง
  • ปี 37 ก่อนคริสตกาล เฮโรดได้แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว พระองค์เป็นนักก่อสร้างและปรับปรุงกรุงเยรูซาเลมให้สวยงาม ได้สร้างกำแพงและพระวิหาร ขึ้นมาใหม่ให้สวยงามกว่าในสมัยของกษัตริย์ของเฮโรดนี้เป็นกรุงเยรูซาเลมที่พระเยซูเจ้าทรงรู้จัก
  • ปี ค.ศ.70 กรุงเยรูซาเลมถูกทำลายโดยจักรพรรดิตีตัส
  • ปี ค.ศ.132-135 จักรพรรดิเอเดรียนได้สร้างกรุงเยรูซาเลมขึ้นใหม่ตามแบบของเมืองโรมัน ตั้งชื่อว่า "เอลีอา กาปีโตลียา" และสร้างสักการสถานแด่พระเท็จเทียมบนซากของสักการสถานของชาวยิว และของชาวคริสต์ และพวกยิวถูกห้ามเข้าเมืองเด็ดขาด หากจับได้จะมีโทษมีประหารชีวิต
  • ปี พ.ศ. 873 (ค.ศ.330) จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 มหาราชผู้กลับใจได้เปลี่ยนกรุงเยรูซาเลมให้เป็นเมืองคริสต์
  • ปี พ.ศ. 1157 (ค.ศ.614) ชาวเปอร์เซียยึดกรุงเยรูซาเลมและทำลายวัดวาอารามต่างๆ
  • ปี พ.ศ. 1179 (ค.ศ.636) กรุงเยรูซาเลมตกอยู่ภายในอำนาจของชาวอาหรับ ซึ่งได้รักษาอำนาจนี้ตลอดมาเป็นเวลา 500 ปี
  • ปี พ.ศ. 1642 (ค.ศ.1099) กรุงเยรูซาเลมถูกยึดโดยครูเสดและกลับเป็นที่ตั้งของอาณาจักรละติน
  • ปี พ.ศ. 1730 (ค.ศ.1187) กรุงเยรูซาเลมถูกยึดโดยชาวมุสลิมภายใต้การนำของซาลาดิน
  • ปี พ.ศ. 2060 (ค.ศ.1517) เมืองตกอยู่ในเงื้อมมือของชาวเติร์ก และอยู่ในการปกครองของพวกเขาตลอด 400 ปี
  • ปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ.1917) พันธมิตรได้ยึดกรุงเยรูซาเลมและให้อยู่ใต้การปกครองของทหารอังกฤษ
  • ปี พ.ศ. 2491(ค.ศ.1948) สงครามระหว่างยิวและชาวอาหรับ กรุงเยรูซาเลมถูกแบ่งดินแดนเป็นเยรูซาเลมตะวันตก ปกครองโดยอิสราเอล และเยรูซาเลมตะวันออก ปกครองโดยจอร์แดน และเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอลในส่วนที่เป็นเยรูซาเลมตะวันตก ระหว่างสงคราม 6 วัน ใน ค.ศ. 1967 เยรูซาเลมตะวันออกจึงตกอยู่ ภายใต้การปกครองของอิสราเอล และตามกฎหมายซึ่งออกใน ค.ศ. 1980 เยรูซาเลมจึงเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ
  • ปี พ.ศ. 2510 (ค.ศ.1967) ระหว่างสงคราม 6 วัน ชาวอิสราเอลได้ยึดกรุงเยรูซาเลมเก่า ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจอร์แดน สถานการณ์ปัจจุบันยังยืดเยื้ออยู่ และชาวอาหรับรับไม่ค่อยได้ด้านประวัติศาสตร์ของคริสตชน เริ่มตั้งแต่ปีที่ 33 ของสมัยปกครองของกษัตริย์เฮโรด
ประมาณศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล (5 B.C.) เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิด ประมาณ 8 กิโลเมตรห่างจากกรุงเยรูซาเลม เหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตในกรุงเยรูซาเลมตามบันทึกในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เมื่อแม่พระและนักบุญยอแซฟ ถวายพระเยซูในพระวิหาร
พวกนักรบครูเสด (Crusader) ตามความเชื่อเป็นอัศวินของพระเจ้า ตามความเชื่อนี้ พวกนี้ไม่ใช่ คาทอลิก แต่เป็น โปร์แลด์น บางชื่อเรียกว่า อัศวินแทมพรา การแต่งกายตามแบบอัศวิน แต่จะแตกต่างตรงที่ ตามโล่ จะมีรูปไม้กางเขน


 หลุมศพพระเยซู
 ตลาดเยรูซาเล็ม




กำแพงเยรูซาเล็ม (กำแพงร้องไห้)


กำแพงที่สง่างามของกรุงเยรูซาเล็มเป็นผลงานสร้างของหลายยุคหลายสมัย รูปทรงปัจจุบันนี้เป็นผลงานการสร้างโดยชาวเติร์กราวศตวรรษที่ 16 ภายใต้การปกครองของสุลต่างสุไลมานมหาราช ในปี ค.ศ.1542 รอบๆ กำแพงที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ความสูงดดยเฉลี่ย 40 ฟุต มีหอ 34 หอ มี 8 ประตู ได้แก่

ทิศเหนือ มี 3 ประตู คือ

ประตูใหม่ (New Gate) เป็นประตูสุดท้ายที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1889 

ประตูดามัสกัส (Damascus Gate) เป็นประตูที่สง่างามที่สุดเปิดสู่บริเวณจัตุรัสโรมัน

ประตูเฮโรด (Herod's gate) ติดกับย่านชาวอาหรับ

ทิศตะวันออก มี 2 ประตู คื

ประตูสเตเฟน (St. Stephen's Gate) สุลต่านสุไลมานสั่งสร้างประตูนี้ ในปี ค.ศ.1530

ประตูทอง (Golden Gate) หรือเรียกว่า ประตูแห่งความเมตตา (Gate of Mercy) สร้างขึ้นในสมัยแรกๆ และพวกเติร์กได้ปิดประตูนี้ในศตวรรษ ที่ 7

ทิศใต้ มี 2 ประตู คือ

ประตูดัง (Dung Gate) ขยายให้กว้างขึ้นในศตวรรษนี้ เพื่อเป็นทางเข้าออกสู่ประตูทิศตะวันตก

ประตูศิโยน (Zion Gate) มีรูกระสุนที่เกิดจากการต่อสู้ในสงครามปี ค.ศ.1948

ทิศตะวันตก คือ ประตูยัฟฟา (Jaffa Gate) 

เป็นประตูหลักที่เข้าสู่เมืองเก่าจากเยรูซาเล็มตะวันตก

กำแพงตะวันตก (Western Wall) หรือเรียกว่า กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall)
เป็นสักการสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวยิว พวกเขาถือว่าเป็นพระธาตุของพระวิหารหลังสุดท้าย กำแพงตะวันตกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงที่กษัตริย์เฮโรดได้สร้างรอบๆ พระวิหารหลังที่สอง ในปีที่ 20 ก่อนคริสตกาล






กรุงเทอาวีฟ อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจของคนในเมืองนี้คะ



อันดับที่ 59ของโลก (กรุงเทล อาวีฟ)
เทลอาวีฟ (Tel Aviv) หรือ เทลอาวีฟ-ยาโฟ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศอิสราเอล เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เทลอาวีฟก่อตั้งในปี ค.ศ. 1909 บนเขตพื้นที่รอบนอกของเมืองท่าโบราณจัฟฟา ความเจริญของเทลอาวีฟได้ก้าวไปไกลกว่าเมืองจัฟฟาที่ในตอนนั้นเป็นของอาหรับอยู่ จนเทลอาวีฟและจัฟฟาถูกรวมเป็นเมืองเดียวกันในปี ค.ศ. 1950 สองปีหลังจากการก่อตั้งรัฐอิสราเอล นครสีขาวแห่งเทลอาวีฟได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกในปี 2003 ถือเป็นการรวมกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก


เทลอาวีฟเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในอิสราเอล และยังได้ฉายาว่า "เมืองที่ไม่เคยหลับ" อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น